ทัวร์อินเดีย สังเวชนียสถาน หยุดยาวสงกรานต์ 6-12เมย66 บินภายใน พักโรงแรม
ทัวร์แสวงบุญ สังเวชนียสถาน 4 ตำบล
หยุดยาว 6-12 เมษายน 2566 7วัน 6คืน
exclusive !! กราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุที่ขุดค้นพบจากปาวาลเจดีย์ สถานที่ปลงอายุสังขาร
รายละเอียดย่อ (สถานที่ ที่พัก อาหาร การเดินทาง)
1. สถานที่เยี่ยมชม : สังเวชนียสถาน 4 ตำบล+เมืองสำคัญ ราชคฤห์ ไวสาลี สาวัตถี
- สังเวชนียสถานแห่งที่ 1 สถานที่ตรัสรู้ : พุทธคยา
- สังเวชนียสถานแห่งที่ 2 สถานที่แสดงปฐมเทศนา : สารนาถ
- สังเวชนียสถานแห่งที่ 3 สถานที่ประสูติ : ลุมพินี
- สังเวชนียสถานแห่งที่ 4 สถานที่ปรินิพพาน : กุสินารา
- ปัตนะ เมืองหลวงใหม่ของรัฐพิหาร ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุจากไวสาลี
- สาวัตถี เมืองหลวงของแคว้นโกศล ที่ตั้งวัดเชตวันมหาวิหาร สถานที่ประทับนานที่สุด 25 พรรษา สถานที่เกิดพระสูตรมากมาย
วัน+สถานที่เยี่ยมชม (โปรแกรมเต็มดูด้านล่างค่ะ)
1. | 6 เมย. 66 | กรุงเทพ - ปัตนะ กราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุที่ขุดค้นจากไวสาลี |
2. | 7 เมย. 66 | พุทธคยา สถานที่ตรัสรู้ |
3. | 8 เมย. 66 | พุทธคยา - พาราณสี สถานที่แสดงปฐมเทศนา ล่องแม่น้ำคงคา |
4. | 9 เมย. 66 |
พาราณสี - กุสินารา สถานที่ปรินิพพาน |
5. | 10 เมย. 66 | กุสินารา - ลุมพินี สถานที่ประสูติ ลุมพินี - สาวัตถี วัดเชตวันและเมืองที่ประทับนานที่สุด |
6. | 11 เมย. 66 | ลุมพินี - สาวัตถี วัดเชตวันและเมืองที่ประทับนานที่สุด |
7. | 12 เมย. 66 | สาวัตถี - ลัคเนาว์ - กรุงเทพ |
2. การเดินทาง
2.1 ขาไป กรุงเทพ(สุวรรณภูมิ) - โกลกาต้า - ปัตนะ
- กรุงเทพ-โกลกาต้า สายการบิน Indigo ไฟลท์ 6e1058 02:40 - 03:45 บิน 2.35ชม. รอต่อเครื่องที่โกลกาต้า 3.10 ชม.
- โกลกาต้า - ปัตนะ สายการบิน Indigo ไฟลท์ 6E 6324 06:55 - 08:30 บิน 1.40 ชม.
2.2 ขากลับ ลัคเนาว์ - กรุงเทพ(สุวรรณภูมิ)
- ลัคเนาว์ - โกลกาต้า สายการบิน Indigo ไฟลท์ 6E 6469 16:35 - 18:15 รอต่อเครื่องที่โกลกาต้า 3.15 ชม.
- โกลกาต้า - กรุงเทพ สายการบิน Indigo 6E 1057 21:30 - 01:40 ถึงกรุงเทพวันถัดไป
2.3 ภายในอินเดียใช้รถบัสส่วนตัวตลอดเส้นทาง (ไม่ต้องเปลี่ยนรถ ของอะไรที่ใช้บนรถเช่นหมอน ผ้าห่ม ของฝากที่ยังไม่ได้แพ็คเอาไว้บนรถได้ ไม่ต้องเอาลงทุกวันค่ะ)
2.4 ตามสถานที่อาจมีนั่งตุ๊กๆเพื่อซ่อกแซ่กเข้าหมู่บ้านไปดู unseen ค่ะและช่วงล่องเรือแม่น้ำคงคา มีชูชีพ
3. ที่พัก : โรงแรม
- พุทธคยา : Tathagat ติดต้นพระศรีมหาโพธิ์ เดินไปได้ค่ะ
- พาราณสี : Hotel Pinnacle หรือ Hotel Fern
- ลุมพินี : Hotel Pawan Palace
- กุสินารา : Hotel Om Residency
- สาวัตถี : Hotel Sravasti Platinum
โรงแรมที่คัดเลือกมาเป็นโรงแรมที่คุ้นเคยกับการให้บริการนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เข้าใจทั้งวัฒนธรรมการกินของชาวต่างชาติเป็นอย่างดีและมารยาทสากล อาหารเป็นอาหารจีน ไทยและอินเดียผสมผสานกัน รสชาตมาตรฐาน ทานได้แน่นอนค่ะ
4. อาหาร
อาหารจีน ไทยและอินเดียผสมผสานกัน รสชาตมาตรฐาน ทานได้แน่นอนค่ะ ส่วนอาหารกลางวันเป็นข้าวกล่องแพ็คจากโรงแรมหรือวัดไทยบริเวณใกล้เคียง เนื่องจากระหว่างเดินทางมีแต่ร้านอาหารท้องถิ่น อินเดียแท้ๆอาจทานลำบาก จึงแพ็คอาหารกล่องไปแล้วแวะทานระหว่างทาง บางเมืองมีวัดไทยระหว่างทางก็จะแวะพักทานอาหาร เข้าห้องน้ำกันค่ะ
5. ราคา
- ท่านละ 54,500 บาท (รวมตั๋วเครื่องบิน วีซ่า 2 ประเทศ + ไม่มีการเก็บค่าทัวร์เพิ่มหน้างาน)
5.1 ราคารวม
- ค่าตั๋วเครื่องบินไฟลท์ที่ระบุในกำหนดการ
- ค่ารถบัสที่ใช้ในการเดินทางในอินเดีย
- ค่าที่พักทุกเมือง // ค่าอาหารทุกมื้อ
- ค่าเข้าชมสถานที่ทุกเมือง (พิพิธภัณฑ์ โบราณสถาน วัดตามเมืองต่างๆ)
- ค่าวีซ่า 2 ประเทศอินเดีย เนปาล
- ค่าประกันการเดินทางวงเงิน 1,000,000 บาท กรณีเสียชีวิตระหว่างการเดินทางและการรักษาอาการอาหารเป็นพิษ 8,000 บาท (ไม่รวมประกันความเสียหายของสิ่งของและประกันสุขภาพ)
5.2 ราคาไม่รวม
- ค่าทิปเจ้าหน้าที่ทัวร์(คนขับรถ เด็กรถ ไกด์อินเดีย เจ้าหน้าที่ยกกระเป๋าของวัด+โรงแรม จัดสรรให้ทุกที่ค่ะ ท่านละ 1,000 บาท / ทั้งทริป
- ค่าน้ำหนักกระเป่าเดินทางโหลดใต้ท้องเครื่องที่เกินกว่าที่ระบุในกำหนดการ
- ค่าทำพาสปอต ค่าเดินในประเทศไทยในวันเดินทางไปและกลับ
- ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่นๆ เช่น ค่าของฝาก เงินทำบุญ ค่าซิมโทรศัพท์
- ค่าประกันทรัพย์สินเสียหายจากการเดินทาง
โปรแกรมทัวร์เต็มสังเวชนียสถาน 6-12 เมษายน 2566
วันที่ 0 : 5 เมษายน 2566 / กรุงเทพ (สุวรณภูมิ) - โกลกาต้า- ปัตนะ
22.00 น. พบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสายขาออกระหว่างประเทศชั้น 4 Row E สายการบิน Indigo ไฟลท์ 6e1058
วันที่ 1 : 6 เมษายน 2566 / กรุงเทพ (สุวรณภูมิ) - โกลกาต้า- ปัตนะ
03.20 น. | ถึงสนามบินนานานชาติโกลกาต้า รอต่อเครื่อง 3.10 ชม. |
06.55น. | ต่อเครื่องไฟลท์ 6e6324 เดินทางสู่สนามบินปัตนะ |
08.30น. |
ถึงสนามบินนานาชาติปัตนะ ทานข้าวเช้า ณ โรงแรม Patliputra Continental และเดินทางต่อไปกราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุ ที่ขุดค้นมาได้จากปาวาลเจดีย์ สถานที่ปลงอายุสังขาร ณ เมืองไวสาลี หลังจากนั้นเดินทางต่อไปยังพุทธคยา |
12.00น. | ทานอาหารกลางวันที่วัดเนรัญชราวาส |
18.00น. | ทานอาหารเย็น และพักผ่อนที่โรงแรม Tathagat |
ปัตนะ เมืองหลวงใหม่ในปัจจุบัน ในสมัยพุทธกาลคือปาตลีบุตร
ชื่อเดิมคือปาตลีบุตร เป็นเมืองหลวงที่ถูกสร้างขึ้นใหม่แทนราชคฤห์ สร้างโดยพระเจ้าอชาตศัตรู ลูกชายของพระเจ้าพิมพิสารผู้ฆ่าพ่อตัวเอง ปาตลีบุตรในอดีตถูกสร้างขึ้นเพื่อรองรับการสงครามที่พระเจ้าอชาตศัตรูมุ่งหมายจะยึดไวสาลี แคว้นวัชชี แคว้นใหญ่อีกแคว้นในสมัยพุทธกาล หลักฐานเกี่ยวกับเหตุการณ์ในช่วงนี้ถกบันทึกอยู่ในวรรคแรกของมหาปรินิพพานสูตรว่าด้วยการไปหาพระพุทธเจ้าของวัสสกาพรามณ์
ปัจจุบัน ปัตนะเป็นเมืองหลวงของรัฐพิหารและเป็นสถานที่เก็บรักษาพระบรมสารีริกธาตุที่ถูกขุดค้นได้จากปาวาลเจดีย์ สถานที่ปลงสังขารของพระพุทธเจ้า ว่านับจากนี้อีก 3 เดือนท่านะจเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน
วันที่ 2 : 7 เมษายน 2566 พุทธคยาเต็มวัน
เช้า |
ทานอาหารเช้าที่โรงแรม เยี่ยมชมสถานที่ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับชีวิตพระโพธิสัตว์ก่อนตรัสรู้และหลังตรัสรู้ที่ต้นพระศรีมหาโพธิ์ก่อนไปสอนปัญจวัคคีย์ที่พาราณสี
กลางวันกลับไปทานอาหารที่โรงแรมและช่วงบ่าย ตารางสบายๆค่ะ
|
18.00น. |
ทานอาหารเย็น และพักผ่อนที่โรงแรม Tathagat |
พุทธคยา อุรุเวลาเสนานิคม พระโพธิสัตว์เจ้าชายสิทธัตถะ ลองผิดลองถูก ทรมายกายอยู่ที่นี่ 6 ปีกว่าจะตรัสรู้
ชื่อเดิมคืออุรุเวลาเสนานิคม ที่นี่นอกจากเป็นที่ตั้งของสังเวชนียสถาน ต้นพระศรีมหาโพธิ์ สถานที่ตรัสรู้แล้ว ยังมีกลุ่มพระสงฆ์กลุ่มแรกๆที่ทรงมาโปรดนั่นคือเหล่านักบวชชลิล ชลิลคือนักบวชกลุ่มหนึ่งเน้นการบูชาไฟ หลังจากโปรดปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 แล้ว ทรงเดินกลับมาเพื่อมาสอนชลิลกลุ่มนี้ ทั้งที่ชลิลกลุ่มนี้อยู่ใกล้กว่าแต่กลับไม่สอนก่อน ใช้เวลาเดิน 11 วันไปที่พาราณสี เพื่อไปโปรดปัญจวัคคีย์แล้วค่อยกลับมาสอนชลิล นั่นแสดงว่าท่านต้องมีเหตุผลแน่นอน หากเราศึกษาพุทธประวัติในเชิงประจักษ์แนวนี้ เราจะเข้าใจการทำงาน วิธีการสอนของพระพุทธเจ้ามากขึ้นแน่นอนค่ะ
วันที่ 3 : 8 เมษายน 2566 / พุทธคยา-พาราณสี
เช้า |
ทานอาหารเช้าและออกเดินทางสู่เมืองพาราณสี แห่งแคว้นกาสีในสมัยพุทธกาล พาราณสีเป็นเมืองใหญ่ เมืองสำคัญที่ปัจจุบันก็ยังสำคัญอยู่ หลังจากตรัสรู้ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์แล้ว ทรงพิจารณาถึงคนที่จะสอนได้ และเล็งเห็นว่าเหล่าปัญจวัคคีย์นี้ล่ะที่มีธุลีในตาน้อยพอจะเข้าใจธรรมที่ทรงค้นพบจึงเดินจากพุทธคยามาพาราณสี พบปัญจวัคคีย์และเทศน์สอนธรรมบทแรก ธัมจักรกัปปวัตรสูตร (เราจะสวดมนต์บทนี้กันที่สถานที่จริง หัดสวดไปได้เลยนะคะ) |
กลางวัน | แวะทานกลางวัน ณ วัดไทยสะสาราม |
08.30น. |
ถีงพาราณสี เข้าชมสถานที่ดังนี้
หลังจากนั้นพาท่านไปชมวิถีชีวิตชาวอินเดีย ที่ใช้ชีวิตแบบนี้มากว่า 4,000 ปี ณ ริมฝั่งแม่น้ำคงคา
|
เย็น | ทานอาหารเย็นและพักผ่อน ณ โรงแรม Pinnacle Gate |
พาราณสี เมืองโบราณ วิถีชีวิตริมแม่น้ำคงคาที่อารยธรรมไม่เคยหยุดชะงักกว่าพันๆปี
เป็นเมืองสำคัญของโลกในแง่สังคม วัฒนธรรม อารยธรรม ที่นี่ถูกกครองสลับกันไปมาระหว่างเจ้านครฮินดูและอิสลามจนถึงช่วงอังกฤษ แม่น้ำคงคาเป็นไฮไลท์ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก แต่ถึงแม้จะเป็น Top Destination ขาดนี้ พระพุทธเจ้าเสด็จมาที่นี่แค่ครั้งเดียว อยู่จำพรรษาเดียวคือช่วงเวลาหลังจากตรัสรู้และมาโปรดปัญจวัคคีย์ หลังจากนั้นไม่เสด็จมาที่นี่อีกเลย
ริมแม่น้ำคงคาเป็นตัวอย่างใช้ชีวิตแบบพระเวทที่ผู้คนยังพึ่งพาอาศัยธรรมชาติ มีการบูชาคงคาอารตีซึ่งเป็นตัวอย่างพิธีบูชาที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยพระเวท และพิธีเผาศพริมแม่น้ำ ผู้คนเชื่อกันว่า หากศพคนตายได้ชำระล้างโดยพระแม่คงคาแล้ว ผู้ตายจะได้ขึ้นสวรรค์
วันที่ 4 : 9 เมษายน 2566 / พาราาณสี - กุสินารา
เช้า |
ทานอาหารเช้าและออกเดินทางสู่เมืองกุสินารา วันนี้เดินทางไกลวันแรก ทานอาหารกลางวันแบบกล่องเนื่อจากระหว่างทางไม่มีวัดไทย ร้านอาหารระหว่างทางเป็นร้านท้องถิ่น อาหารอาจจะไม่เหมาะกับธาตุของเราค่ะ |
บ่าย | ช่วงบ่ายถึงกุสินารา
|
เย็น |
ทานอาหารเย็นและเข้าที่พักที่โรงแรม Om International |
กุสินารา เมืองเล็กในแคว้นเล็กที่พระพุทธเจ้าตัดสินใจมาปรินิพพาน
ชื่อเดิมคือกุสาวดี พระพุทธเจ้าเคยเทศน์ไว้ในมหาสุทธัสสนะสูตรว่ากุสาวดีเคยเป็นมหานครที่ยิ่งใหญ่ ปกครองโดยพระเจ้ามหาสุทัสสนะ ในสมัยพุทธกาล กุสินาราอยู่ในแคว้นมัลละซึ่งเป็นแคว้นเล็ก พระอานนท์ทัดทานการมาดับขันธ์ของพระองค์ว่าทำไมมาปรินิพพานที่แคว้นเล็กแทนที่จะไปแคว้นใหญ่อย่างมคธหรือโกศล พระพุทธเจ้าให้เหตุผลว่า หากท่านไปดับขันธ์ที่แคว้นใหญ่ พระบรมสารีริกธาตุของท่านจะถูกยึดไว้โดยเจ้าแคว้น และอาจถูกยำมาใช้เพิ่มอำนาจทางการเมืองของแคว้นใหญ่ให้มีอำนาจมากขึ้นได้ แต่หากมาปรินิพพานที่กุสินารา แคว้นมัลละ พระบรมสารีริกธาตุของท่านจะถูกจัดสรรปันส่วนอย่างเท่าเทียม
วันที่ 5 : 10 เมษายน 2566 / กุสินารา - ลุมพินี
เช้า |
ทานอาหารเช้าที่โรงแรมและออกเดินทางสู่ด่านชายแดนอินเดีย เนปาล เสาโนรี ก่อนจะข้ามด่านแวะพักทานโรตีและเข้าห้องน้ำก่อนข้ามด่านที่วัดไทยนวราชย์รัตนาราม 960 ผ่านกระบวนการตรวจคนออกเมืองกันก่อนแล้วเดินทางไปสู่จุดหมายของเรา
|
บ่าย | ทานอาหารเย็น พักผ่อนที่โรงแรม Pawan Palace |
ลุมพินี แคว้นสักกะ บ้านเกิดของพระพุทธเจ้า
ปัจจุบันอยู่ในเขตแดนของประเทศเนปาลแต่สมัยเดิมลุมพินีตั้งอยู่ในเขตแดนของอินเดียตั้งแต่สมัยอินเดียยังเป็นมหาชนบท (มหาชนบทแปลว่าเมืองเจริญ) ลุมพินีดั้งเดิมคือสถานที่บริเวณแคว้นสักกะบ้านเกิด บ้านพ่อของเจ้าชายสิทธัตถะ ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะอยู่ในประเทศเนปาล เราก็จะมากราบกันค่ะ ราคาทัวร์รวมวีซ่าเนปาลแล้วค่ะ ลุมพินีไม่ใช่เมืองแต่เป็นสวนพักระหว่างเมือง ที่เจ้าชายสิทธัตถะมาประสูติที่ลุมพินีเพราะในสมัยพุทธกาลเป็นธรรมเนียมของหญิงที่จะเดินทางไปคลอดที่บ้านแม่ แต่พระนางสิริมหามายาไปไม่ทัน จึงทรงมีประสูติกาลที่สวนลุมพินี
วันที่ 6 : 11 เมษายน 2566 / ลุมพินี - สาวัตถี
เช้า |
ทานอาหารเช้าและออกเดินทางสาวัตถี มหานครคนดี สาวัตถีเป็นเมืองหลวงของแคว้นโกศล สมัยพุทธกาลสาวัตถีจึงเป็นเมืองใหญ่มีคนมาศัยอยู่มากมาย เจ้าครองแคว้นคือพระเจ้าปเสนทิโกศลผู้ซึ่งรักและศรัทธาในตัวพระพุทธเจ้ามาก จนอยากดองด้วยถึงขั้นส่งคนไปเจ้าหญิงจากแคว้นสักกะมาแต่งงาน จนสุดท้ายกลายเป็นโศกอนาฏกรรมล้างวงศ์วานของพระพุทธเจ้าที่นี่เป็นที่ที่พระพุทธเจ้าประทับนานที่สุดถึง 25 พรรษา จึงตรัสสอนพระสูตรมากมายที่นี่ เราจะไปกราบสักการะสถานที่สำคัญเหล่านี้
|
เย็น | ทานอาหารเย็นและพักผ่อนที่Hotel Sravati Platinum |
สาวัตถี แคว้นใหญ่ในสมัยพุทธกาล ที่พระพุทธเจ้าจำพรรษานานที่สุดในช่วงชีวิต
เป็นอีกเมืองที่ไม่ได้เป็นที่ตั้งของสังเวชนียสถาน แต่เป็นอีกเมืองสำคัญของประวัติศาสตร์พุทธศาสนา สาวัตถีอย่างที่กล่าวไปว่าเป็นเมืองหลวงของแค้นโกศล ในสมัยพุทธกาลโกศลเป็นแคว้นใหญ่พอๆกับมคธและมีความเกี่ยวข้อง เกี่ยวดองกับพระพุทธเจ้า ด้วยความที่ทรงประทับที่นี่นานถึง 5 พรรษา จึงเกิดเหตุการณ์ เกิดพระสูตรมากมายที่นี่ ดังนั้นสาวัตถีจึงเป็นเมืองที่พลาดไม่ได้ รวมถึงวัดเชตวันที่เราจะพาไปกราบสักการะ เป็นอีกวัดใหญ่ วัดดังเดิมในพุทธศาสนา การได้ไปกราบสักการะสักครั้งจึงเป็นโอกาสสำคัญของเรามากค่ะ
วันที่ 7 : 12 เมษายน 2566 / สาวัตถี - ลัคเนาว์ - กรุงเทพ
03.20 น. | ทานอาหารเช้าและออกเดินทางสู่เมืองลัคเนาว์ เมืองหลวงของรัฐอุตตระประเทศ ห่างจากสาวัตถีใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม. |
13.30 น. | เช็คอินสายการบิน Indigo ไฟลท์ 6e6469 ไปยังโกลกาต้า |
18.15 น. |
ถึงสนามบินโกลกาต้า รอต่อเครื่องประมาณ 2.50 ชม. |
21.30 น. |
ขึ้นเครื่องสายการบินเดียวกันไฟลท์ 6e2057 ไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพ ถึงกรุงเทพเวลา 01.40 ของวันที่ 13 เมย. |