ทัวร์แสวงบุญ 4 สังเวชนียสถาน ทัชมาฮาล 5-15 ธค. 2567
ทัวร์แสวงบุญ อินเดีย สังเวชนียสถาน 4 ตำบล + ทัชมาฮาล
5-15 ธค. 2567*
บินตรงคยา full service
พักโรงแรม
* ตรงวันหยุดยาวและตรงช่วงสาธยายพระไตรปิฎก คนที่พุทธคยาจะเยอะมาก จึงจัดเผื่อเวลาที่พุทธคยาค่ะ
รายละเอียดการเดินทาง
ระยะเวลา | 11 วัน 10 คืน |
ราคา |
72,500 บาท(รวมทุกอย่าง) |
ราคารวม
ราคาไม่รวม
|
|
สายการบิน |
กรุงเทพ - คยา : Thai Airways TG328 : 12.20-14.30 น. : น้ำหนัก 25kgs+อาหาร นิวเดลี - กรุงเทพ : Thai Airways TG316 : 00.20-05.45น. : น้ำหนัก 25kgs+อาหาร |
ที่พัก |
พักโรงแรม พุทธคยา พักวัดเนรัญชราวาส (ห้องพักดีกว่าโรงแรมหลายที่ในพุทธคยา) |
อาหาร |
วัดไทยทานอาหารไทย โรงแรม - ไทย จีน อินเดีย |
จำนวนสมาชิก | ไม่เกิน 25 ท่าน |
เมืองที่ไป สถานที่เยี่ยมชม
พุทธคยา |
|
สารนาถ พาราณสี |
|
กุสินารา |
|
ลุมพินี เนปาล |
|
ราชคฤห์ |
|
นาลันทา |
|
สาวัตถี |
|
อักรา |
|
รายชื่อที่พัก
พุทธคยา | วัดเนรัญชราวาส |
พาราณสี | โรงแรม Primeland |
กุสินารา | โรงแรม Om International |
ลุมพินี | โรงแรม Five Element |
สาวัตถี | โรงแรม Platinum |
อักรา | โรงแรม Ramada |
นิวเดลี | โรงแรม The Corus Hotel |
ดูรูปที่พักและบรรยากาศ
โปรแกรมการเดินทาง 5-15 ธันวาคม 2567
วันที่ 1 : 5 ธันวาคม 2567 กรุงเทพ (สุวรรณภูมิ) - คยา
08.30 น. พบกันที่สนามบิน อาคารผู้โดยสายขาออกระหว่างประเทศประตู 4 สายการบิน Thai Airways
09.00 น. เช็คอินสายการบินไฟลท์ TG327 เดินทางสู่สนามบินคยา ใ้ชเวลาเดินทาง 3.20 ชม.
14.00 น. ถึงสนามบินคยา ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบิน
- เอกสารฟ้าจัดการเขียนให้ทั้งหมด ตอนคุณแอร์โอสเตสมาแจกรับเอกสารไว้แล้วนอนต่อได้เลยค่ะ
- ตม.อินเดียที่คยามีประมาณ 4-5 เคาเตอร์ น้อยมากและทำงานช้ามาก ค่อยๆเปิดเล่มพาสปอต ค่อยๆแสกน เราอาจใช้เวลาที่ขั้นตอนนี้สักพัก ถือเป็นการรับน้องด่านแรกนะคะ
ผ่านตม.มารับกระเป๋า แล้วเดินทางต่ไปทานกลางวันกันที่วัดเนรัญชราวาส พักผ่อนให้หายเพลียจากการเดินทางแล้วออกไปกราบสักการะต้นพระศรีมหาโพธิ์ สถานที่ตรัสรู้ สังเวชนียสถานแห่งที่ 1 กันค่ะ
ใช้เวลาสวดมนต์ทำวัตรเย็น เดินดูรอบๆและกลับมาทานอาหารเย็นพักผ่อนที่วัด เตรียมตัวเพื่อเดินทางตามรอยพระพุทธเจ้าในวัดถัดไป
บริเวณเจดีย์พุทธคยา | พระพุทธเมตตา ประดิษฐานภายในเจดีย์พุทธคยา | ที่พัก วัดเนรัญชราวาส |
วันที่ 2 : 3 ธันวาคม 2566 : พุทธคยา - ราชคฤห์ - นาลันทา
ช่วงเช้า-บ่าย |
ทานอาหารเช้าที่วัดเนรัญชราวาสและออกเดินทางไปยังเมืองราชคฤห์ซึ่งเป็นเมืองสำคัญมากในชีวิตของพระพุทธเจ้า ราชคฤห์แห่งนี้เป็นเมืองแรกในแดนพุทธภูมิที่พุทธศาสนาตั้งมั่นโดยมีพุทธสาวกคนสำคัญคือพระเจ้าพิมพิสาร ปาวารณาตัวเป็นพุทธศาสนิกชน ในราชคฤห์จึงมีสถานที่มากมายที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของพระพุทธเจ้าให้เราได้ศึกษาและกราบสักการะเช่น
ทานกลางวันกันที่วัดไทยสิริราชคฤห์และเดินทางต่อไปที่นาลันทา เมืองใกล้ๆเพื่อไปกราบสักการะ
เรื่องราวเหล่านี้แค่เกริ่นๆค่ะ พอไปถึงสถานที่จริงๆได้ฟังวิทยากรกันเพลินหู ดูข้างทางกันเพลินตาแน่นอนค่ะ |
ช่วงเย็น | ทานอาหารเย็น พักผ่อนที่วัดเนรัญชราวาส |
ข้อมูลน่ารู้ตามเส้นทางสังเวชนียสถาน
ราชคฤห์ไม่ได้เป็นที่ตั้งของสังเวชนียสถาน 4 ตำบลแห่งใดเลย แต่เป็นเมืองสำคัญมากในยุคพุทธกาลเพราะเป็นเมืองหลวงแห่งแคว้นมคธ 1 ในแคว้นมหาอำนาจในยุคนั้น ปกครองโดยพระเจ้าพิมพิสารผู้ซึ่งเคยเจอเจ้าชายสิทธัตถะแล้วก่อนแล้วเมื่อครั้งทรงออกบวช ด้วยผิวพรรณ หน้าตา เมื่อมาถึงราชคฤห์ชาวบ้านก็ลืออื้ออึงกันถึงความงามจนพระเจ้าพิมพิสารเสด็จไปพบพร้อมเสนอให้ออกจากเพศนักบวชแล้วมาช่วยกันปกครองแคว้นมคธ เจ้าชายสิทธัตถะทรงปฏิเสธไป พระเจ้าพิมพิสารจึทูลขอว่าหากทรงตรัสรู้ธรรมเมื่อใดให้มาโปรดท่านด้วย เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะตรัสรู้อนุตตระสัมมาสัมโพธิญาณใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์แล้ว ก็ทำตามคำมั่นที่ให้ไว้ทรงเสด็จกลับไปโปรดพระเจ้าพิมพิสาร และพุทธศาสนาก็ตั้งมั่นที่ราชคฤห์เป็นแห่งแรกในโลก นับจากนั้นเป็นต้นมา
วัดเวฬุวันมหาวิหาร วัดแห่งแรกในพุทธศาสนา | กุฏิพระพุทธเจ้าบนยอดเขาคิชกูช ราชคฤห์ | หลวงพ่อองค์ดำ นาลันทา เตรียมน้ำมันมะพร้าวไปทาขอพรเรื่องสุขภาพค่ะ |
วันที่ 3 : 7 ธันวาคม 2567 : พุทธคยาเต็มวัน
ช่วงเช้า |
ทานอาหารเช้าที่วัดและออกมาที่เขาดงคสิริ เป็นสถานที่บำเพ็ญทุกรกริยาของท่านค่ะ เจ้าชายสิทธัตถะใช้เวลาที่นี่ 6 ปีกว่าจะตรัสรู้ กลางวันกลับไปทานอาหารที่วัดเนรัญชราวาสและทอดผ้าป่าบำรุงวัดและช่วงบ่าย ตารางสบายๆค่ะ
|
ช่วงเย็น | ทานอาหารเย็น และพักผ่อน ณ วัดเนรัญชราวาส |
วันที่ 4 : 8 ธันวาคม 2567 : พุทธคยาเต็มวัน
ช่วงเช้า |
ทานอาหารเช้าที่วัดและเดินทางไปชมสถานที่สำคัญดังนี้ (สลับได้ตามเวลาและสถานการณ์หน้างาน)
กลางวันกลับไปทานอาหารที่วัดเนรัญและทอดผ้าป่าบำรุงวัดและช่วงบ่าย ตารางสบายๆค่ะ
|
ช่วงเย็น | ทานอาหารเย็น และพักผ่อน ณ วัดเนรัญชราวาส |
วันที่ 5 : 9 ธันวาคม 2567 : พุทธคยา-พาราณสี
ช่วงเช้า |
ทานอาหารเช้าและออกเดินทางสู่เมืองพาราณสี แห่งแคว้นกาสีในสมัยพุทธกาล พาราณสีเป็นเมืองใหญ่ เมืองสำคัญที่ปัจจุบันก็ยังสำคัญอยู่ หลังจากตรัสรู้ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์แล้ว ทรงพิจารณาถึงคนที่จะสอนได้ และเล็งเห็นว่าเหล่าปัญจวัคคีย์นี้ล่ะที่มีธุลีในตาน้อยพอจะเข้าใจธรรมที่ทรงค้นพบจึงเดินจากพุทธคยามาพาราณสี พบปัญจวัคคีย์และเทศน์สอนธรรมบทแรก ธัมจักรกัปปวัตรสูตร (เราจะสวดมนต์บทนี้กันที่สถานที่จริง หัดสวดไปได้เลยนะคะ)
หลังจากนั้นพาท่านไปชมวิถีชีวิตชาวอินเดีย ที่ใช้ชีวิตแบบนี้มากว่า 4,000 ปี ณ ริมฝั่งแม่น้ำคงคา
|
ช่วงเย็น | ทานอาหารเย็นและพักผ่อนที่โรงแรม Primeland |
ข้อมูลน่ารู้ตามเส้นทางสังเวชนียสถาน
พาราณสี เป็นเมืองสำคัญของโลกในแง่สังคม วัฒนธรรม อารยธรรม ที่นี่ถูกกครองสลับกันไปมาระหว่างเจ้านครฮินดูและอิสลามจนถึงช่วงอังกฤษ แม่น้ำคงคาเป็นไฮไลท์ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก แต่ถึงแม้จะเป็น Top Destination ขาดนี้ พระพุทธเจ้าเสด็จมาที่นี่แค่ครั้งเดียว อยู่จำพรรษาเดียวคือช่วงเวลาหลังจากตรัสรู้และมาโปรดปัญจวัคคีย์ หลังจากนั้นไม่เสด็จมาที่นี่อีกเลยค่ะ
ธัมเมกขสถูป สถานที่แสงปฐมเทศนา | ล่องแม่น้ำคงคา ชมวิถีชีวิตของคนอินเดีย | พิพิธภัณฑ์สารนาถ เก็บรักษาพระพุทธรูปปางปฐมเทศนาที่งดงามที่สุด |
วันที่ 6 : 10 ธันวาคม 2567 : พาราณสี - กุสินารา
|
ทานอาหารเช้าที่โรงแรม และออกเดินทางสู่เมืองกุสินารา ชื่อเดิมคือกุสาวดี
|
|
ช่วงค่ำ | ทานอาหารเย็นและเข้าที่พักที่โรงแรม Om International |
ข้อมูลน่ารู้ตามเส้นทางสังเวชนียสถาน
กุสินาราในสมัยพุทธกาลเป็นเมืองเล็กในแคว้นมัลละ แต่สมัยดั้งเดิมก่อนยุคพุทธกาลเป็นเมืองใหญ่มากชื่อเมืองกุสาวดี ปกครองโดยพระเจ้ามหาสุทัสสนะ ยิ่งใหญ่มากในช่วงนั้น ของวิเศษใดๆที่หาได้เป็นของพระเจ้ามหาสุทัสสนะหมด ซึ่งพระเจ้ามหาสุทัสสนะก็คือชาติภพก่อนๆของพระพุทธเจ้าและท่านก็กลับมาปรินิพพานที่กุสินาราแห่งนี้
มหาปรินิพพานสถูป สร้างครอบสถานที่เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน กุสินารา | มกุฏพันธนเจดีย์ สถานที่ถวายพระเพลิงพระบรมสรีระ กุสินารา |
วันที่ 7 : 11 ธันวาคม 2566 : กุสินารา - ลุมพินี
ช่วงเช้า |
ทานอาหารเช้าที่โรงแรมและออกเดินทางสู่ด่านชายแดนอินเดีย เนปาล เสาโนรี ก่อนจะข้ามด่านแวะพักทานโรตีและเข้าห้องน้ำก่อนข้ามด่านที่วัดไทยนวราชย์รัตนาราม 960 ผ่านกระบวนการตรวจคนออกเมืองกันก่อนแล้วเดินทางไปสู่จุดหมายของเรา
|
ช่วงเย็น | ทานอาหารเย็น พักผ่อนที่โรงแรม Five Elements |
ข้อมูลน่ารู้ตามเส้นทางสังเวชนียสถาน
ลุมพินี ปัจจุบันอยู่ในเขตแดนของประเทศเนปาลแต่สมัยเดิมลุมพินีตั้งอยู่ในเขตแดนของอินเดียตั้งแต่สมัยอินเดียยังเป็นมหาชนบท (มหาชนบทแปลว่าเมืองเจริญ) ลุมพินีดั้งเดิมคือสถานที่บริเวณแคว้นสักกะบ้านเกิด บ้านพ่อของเจ้าชายสิทธัตถะ ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะอยู่ในประเทศเนปาล เราก็จะมากราบกันค่ะ ราคาทัวร์รวมวีซ่าเนปาลแล้วค่ะ ลุมพินีไม่ใช่เมืองแต่เป็นสวนพักระหว่างเมือง ที่เจ้าชายสิทธัตถะมาประสูติที่ลุมพินีเพราะในสมัยพุทธกาลเป็นธรรมเนียมของหญิงที่จะเดินทางไปคลอดที่บ้านแม่ แต่พระนางสิริมหามายาไปไม่ทัน จึงทรงมีประสูติกาลที่สวนลุมพินี
วัดไทย 960 แวะพักผ่อนก่อนข้ามด่าน เนปาล ในทัวร์สังเวชนียสถาน 9-18พย.2565 | พระพุทธเจ้าน้อยที่คนไทยคุ้นเคย มุมนี้ได้ถ่ายเดี่ยวทุกคนแน่นอนค่ะ | วิหารมายาเทวี สร้างครอบสถานที่ประสูติ |
วันที่ 8 : 12 ธันวาคม 2566 : ลุมพินี - สาวัตถี
ช่วงเช้า |
ทานอาหารเช้าและออกเดินทางไปกลับอินเดีย ผ่านกระบวนการเข้าเมืองของอินเดียและแวะพักทานโรตีและเข้าห้องน้ำก่อนข้ามด่านที่วัดไทยนวราชย์รัตนาราม 960 กันอีกสักครั้ง เป็นโอกาสที่ดีสำหรับท่านที่ติดใจโรตีอารีดอยของที่วัดค่ะ หลังจากนั้นเดินทางต่อสู่สาวัตถี มหานครคนดี สาวัตถีเป็นเมืองหลวงของแคว้นโกศล สมัยพุทธกาลสาวัตถีจึงเป็นเมืองใหญ่มีคนมาศัยอยู่มากมาย เจ้าครองแคว้นคือพระเจ้าปเสนทิโกศลผู้ซึ่งรักและศรัทธาในตัวพระพุทธเจ้ามาก จนอยากดองด้วยถึงขั้นส่งคนไปเจ้าหญิงจากแคว้นสักกะมาแต่งงาน จนสุดท้ายกลายเป็นโศกอนาฏกรรมล้างวงศ์วานของพระพุทธเจ้า (หากอยากฟังต่อ จองทัวร์เลยค่ะ)ที่นี่เป็นที่ที่พระพุทธเจ้าประทับนานที่สุดถึง 25 พรรษา จึงตรัสสอนพระสูตรมากมายที่นี่ เราจะไปกราบสักการะสถานที่สำคัญเหล่านี้
|
ช่วงเย็น | ทานอาหารเย็นและพักผ่อน ณ วัดไทยสาวัตถี |
ข้อมูลน่ารู้ตามเส้นทางสังเวชนียสถาน
สาวัตถี เป็นอีกเมืองที่ไม่ได้เป็นที่ตั้งของสังเวชนียสถาน แต่เป็นอีกเมืองสำคัญของประวัติศาสตร์พุทธศาสนา สาวัตถีอย่างที่กล่าวไปว่าเป็นเมืองหลวงของแค้นโกศล ในสมัยพุทธกาลโกศลเป็นแคว้นใหญ่พอๆกับมคธและมีความเกี่ยวข้อง เกี่ยวดองกับพระพุทธเจ้า ด้วยความที่ทรงประทับที่นี่นานถึง 5 พรรษา จึงเกิดเหตุการณ์ เกิดพระสูตรมากมายที่นี่ ดังนั้นสาวัตถีจึงเป็นเมืองที่พลาดไม่ได้ รวมถึงวัดเชตวันที่เราจะพาไปกราบสักการะ เป็นอีกวัดใหญ่ วัดดังเดิมในพุทธศาสนา การได้ไปกราบสักการะสักครั้งจึงเป็นโอกาสสำคัญของเรามากค่ะ
กุฏิพระพุทธเจ้า ณ วัดเชตวันมหาวิหาร | ต้นอานันทโพธิ์ ปลูกจากหน่อต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นแรก |
วันที่ 9 : 13 ธันวาคม 2566 สาวัตถี - อักรา
ช่วงเช้า |
ทานอาหารเช้าและออกเดินทางสู่อักรา วันนี้ใช้เวลาเดินทางทั้งวันค่ะ ช่วงเย็นถึงอักรา ทานอาหารเย็นและพักผ่อนให้เต็มที่ เลือกชุดสวยๆไปเที่ยวทัชมาฮาลวัดถัดไป |
ช่วงเย็น | ทานอาหารเย็น และพักผ่อน ณ โรงแรม Ramada |
วันที่ 10 : 14 ธันวาคม 2566 : ทัชมาฮาล อักราฟอร์ค
ช่วงเช้า |
ทานอาหารเช้าที่โรงแรมและไปชมทัชมาฮาล อนุสรณ์สถานแห่งความรัก สร้างโดยพระเจ้าชาห์ จาฮันแห่งราชวงศ์โมกุล ราชวงศ์สุดท้ายก่อนอินเดียตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ |
เที่ยง |
ทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหาร |
บ่าย |
ชมพระราชวังอักรา หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ Agra Fort พระราชวังที่ราชวงศ์โมกุลอาศัยอยู่และเป็นที่คุมขังพระเจ้าชาห์ จาฮันโดยลูกชาย พระเจ้าออรังคเซบ เดินทางสู่เดลี พักผ่อน ณ โรงแรม Hotel Alka Classic หรือ The Corus Hotel โรงแรมอยู่ใจกลาง Connaught Place วงเวียนช้อปปิ้งขนาดใหญ่ใจกลางเมือง สถานที่รวมตัวของผู้คนที่ทำงานให้อังกฤษสมัยอาณานิคม |
วันที่ 11 : 15 ธันวาคม 2567 : นิวเดลีเต็มวัน - กรุงเทพ
ช่วงเช้า |
ทานอาหารเช้าที่โรงแรม และออกเดินทางไปชม
|
เที่ยง |
ทานข้าว ณ ร้านอาหารและเดินเล่น ช้อปปิ้งบริเวณ Connaught Place |
21.00 น. |
ทานอาหารเย็นและออกเดินทางไปยังสนามบินนานาชาติ อินทิราคานธี เช็คอินสายการบินไทย ไฟลท์ TG 316 ออกเดินทางเวลา 00.20 และถึงประเทศไทน สุวรรณภูมิเวลา 05.45น.ของวันที่ 16 ธันวาคม 2567 |
หมายเหตุ เกี่ยวกับการเดินทางและอาหาร
อินเดียเป็นประเทศที่สามารถมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้สูง ดังนั้นการแพลนโปรแกรมทุกรอบ ฟ้าจะเผื่อเวลาสำหรับสิ่งนี้ เช่นการวันแรกที่ต้องผ่านตม.ที่พุทธคยาคือเผื่อเวลาเอาไว้เลย ถ้าเข้าต้นโพธิ์ไม่ได้วันนี้ยังมีเวลามาเก็บวันอื่น และด้วยเหตุความไม่แน่นอนสูงนี้เอง โปรแกรมสามารถปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ ตามเหตุปัจจัยได้ตลอดเวลาตามเงื่อนไขด้านความปลอดภัย และความเหมาะสม โดยยึดถือผลประโยชน์ของญาติธรรมเป็นหลักค่ะ ไม่มีการตัดสถานที่แน่นอน แต่อาจจะสลับก่อนหลัง เช้าเย็นประมาณนี้ค่ะ ฟ้าเข้าใจว่าทุกคนตั้งใจไป ดังนั้นจะพาไปให้ครบเพื่อให้สมความตั้งใจค่ะ
เรื่องอาหารการเดินทางตามเส้นทางสังเวชนียสถานเป็นการเดินทางในระยะทางพอสมควรและระหว่างทางไม่มีร้านอาหารตามแบบสากลที่เหมาะสมกับคนไทยเพราะเมืองสังเวชนียสถานตั้งอยู่ในเมืองต่างจังหวัด ความเจริญแบบที่เราคุ้นเคยกันหาแทบจะไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะลำบากอะไรขนาดนั้นค่ะ ในส่วนของการทานอาหารจึงมีความจำเป็นต้องทานอาหารแบบแพ็คกล่องจากวัดไทย(ในบางวัน)เพื่อความปลอดภัยด้านสุขลักษณะอนามัยของทุกคนค่ะ